วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

อนุทิน3



1. นักศึกษาอธิบายคา นิยามต่อไปนี้ ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ก. การศึกษา ข. การศึกษาขั้นพื้นฐาน ค. การศึกษาตลอดชีวิต ง. มาตรฐานการศึกษา
จ. การประกันคุณภาพภายใน ช. การประกันคุณภาพภายนอก ซ. ผู้สอน ฌ. ครู
ญ. คณาจารย์ ฐ. ผู้บริหารสถานศึกษา ฒ. ผู้บริหารการศึกษา ณ. บุคลากรทางการศึกษา

ตอบ    . การศึกษา คือ กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลง ความก้าวหน้าทางวิชาการและการสร้างองค์ความรู้ให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
. การศึกษาขั้นพื้นฐาน คือ การศึกษาก่อนระดับอุดมศึกษา
การศึกษาตลอดชีวิต คือ การศึกษาที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต โดยเกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบการศึกษาตามอัธยาศัย
มาตรฐานการศึกษา คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับส่งเสริมและกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมิน และการประกันคุณภาพทางการศึกจ .การประกันคุณภาพภายใน คือ การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายใน โดยบุคลากรของสถานศึกษานั้นเอง หรือหน่วยงานต้นสังกัดที่มีหน้าที่กำกับดูแลสถานศึกษานั้น
การประกันคุณภาพภายนอก คือ การประเมินผลและการติดตามตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากภายนอก โดยสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาหรือบุคคลหรือหน่วยงานภายนอกที่สำนักงานดังกล่าวรองรับ เพื่อเป็นการประกันคุณภาพ และให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของสถานศึกษา
ผู้สอน คือ ครูและคณาจารย์ในสถานศึกษาระดับต่าง ๆ
ครู คือ บุคลากรวิชาชีพซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอนและการส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน
คณาจารย์ คือ บุคลากรซึ่งทำหน้าที่หลักทางด้านการสอนและการวิจัยในสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาและระดับปริญญาของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารสถานศึกษา คือ บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารสถานศึกษาแต่ละแห่งทั้งของรัฐและเอกชน
ผู้บริหารการศึกษา คือ บุคลากรวิชาชีพที่รับผิดชอบการบริหารการศึกษานอกสถานศึกษาตั้งแต่ระดับเขตพื้นที่การศึกษาขึ้นไป
บุคลากรทางการศึกษา คือ ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา รวมทั้งผู้สนับสนุนการศึกษาซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ให้บริการ หรือปฏิบัติงานเกี่ยวเนื่องกับการจัดกระบวนการเรียนการสอน การนิเทศและการบริหารการศึกษาในหน่วยงานการศึกษาต่าง ๆ

2. ความมุ่งหมายและหลักการจัดการศึกษาได้กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษานี้อย่างไรบ้างให้อธิบาย

ตอบ การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดารงชีวิตสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุขกระบวนการเรียนรู้ต้องมุ่งปลูกฝังจิตสำนึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รู้จักรักษาและส่งเสริมสิทธิ หน้าที่ เสรีภาพ ความเคารพกฎหมาย ความเสมอภาค และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย รู้จักรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมและของประเทศชาติ รวมทั้งส่งเสริมศาสนาศิลปวัฒนธรรมของชาติ การกีฬา ภูมิปัญญาท้องถิ่น ภูมิปัญญาไทยและความรู้อันเป็นสากล ตลอดจนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความสามารถในการประกอบอาชีพรู้จักพึงตนเอง มีความริเริ่มสร้างสรรค์ ใฝ่รู้ และเรียนรู้ด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง 

3. หลักการจัดการศึกษาประกอบด้วยอะไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ     หลักการจัดการศึกษา มี 3 ประการ คือ
(1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสาหรับประชาชน
(2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

4. การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ตามที่กฎหมายกำหนดมีอะไรบ้าง

ตอบ          (1) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
        (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษาสถานศึกษาและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
        (3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษาและจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษาทุกระดับและประเภทการศึกษา
        (4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครูคณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา และการพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
         (5) ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่าง ๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา
  (6)การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น

5. สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ที่กำหนดไว้ในกฎหมายมีอะไรบ้าง

ตอบ        1.การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี อย่างทั่วถึงมีคุณภาพ และไม่เก็บค่าใช้จ่าย
     2. บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์สังคม ผู้ด้อยโอกาสและผู้มีความสามารถพิเศษ มีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
  3.พ่อแม่ ผู้ปกครอง บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน สถานประกอบการ สถาบันศาสนาและสถาบันอื่น ๆมีสิทธิจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้แก่บุตรหลานของตนหรือบุคคลทั่วไป ได้รับการลดหย่อนภาษีหรือยกเว้นภาษี ตามที่กฎหมายกำหนด

6. ระบบการศึกษามีกี่รูปแบบแต่ละรูปแบบมีอะไรบ้างจงอธิบาย

ตอบ      มี 3 รูปแบบ ดังนี้
(1)การศึกษาในระบบ เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษาหลักสูตร ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและการประเมินผล เป็นเงื่อนไขการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
(2)การศึกษานอกระบบ เป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบวิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาการวัดและการประเมินผล เป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาในปัจจุบัน
(3)การศึกษาตามอัธยาศัย เป็นการศึกษาที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ โดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม และสภาพแวดล้อม

7. การจัดการศึกษาในระบบมีอะไรบ้าง จงอธิบาย

ตอบ    สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระดับ คือ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา

8. สถานศึกษาที่เป็นนิติบุคคลเป็นอย่างไร

ตอบ     การให้มีการกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษาทั้งด้านวิชาการ การบริหารงานบุคคล งบประมาณ และการบริหารงานทั่วไป ไปยังสถานศึกษามีความคล่องตัว เป็นอิสระ สามารถบริหารการศึกษาในสถานศึกษาได้สะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ

9. แนวทางการจัดการศึกษามีหลักยึดอะไรบ้าง

ตอบ          1. ยึดหลักว่าทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ ให้ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุดและต้องให้แต่ละคนสามารถพัฒนาตามความถนัด ความสนใจและเต็มศักยภาพของเขา
   2. เนื้อหาสาระของการศึกษาทุกระบบทุกรูปแบบ ต้องเน้นความรู้คู่คุณธรรมและกระบวนการเรียนรู้ โดยบูรณาการ (ผสมผสาน) ตามความเหมาะสมของระดับการศึกษา

10. ท่านเห็นด้วยหรือไม่ที่กำหนดให้ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา ทั้งรัฐและเอกชนจะต้องมีใบประกอบวิชาชีพ

ตอบ   เห็นด้วย เพราะ คนที่ไม่ได้เรียนครูมาโดยตรง หรือพวกมิตรฉาชีพอาจจะมาสวมรอยได้ หรือทำให้คนที่ไม่เรียนครูแย่งงานทำด้วยซ้ำไปทำให้คนที่เรียนครูมาตกงาน

11. มีวิธีการระดมทรัพยากรเพื่อพัฒนาการศึกษาในท้องถิ่นของท่านได้อย่างบ้าง

ตอบ   จัดตั้งกองทุนหมู่บ้านจากนั้นให้สมาชิกในชุมชนร่วมกันจัดหางบประมาณโดยวิธีการต่างๆ เช่น จัดทำโครงการต่างๆ เพื่อหารายได้เข้ากองทุนหมู่บ้านเพื่อการศึกษา


12. การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีวิธีการพัฒนาได้อย่างไร

ตอบ   การพัฒนาสื่อและเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา มีวิธีการพัฒนา ดังนี้
 1. สำรวจความต้องการของผู้ใช้กลุ่มต่างๆ โดยใช้แบบสำรวจที่ดี
 2. เลือกและใช้วิธีการ (Means) ที่เหมาะสม
 3. รวบรวมทรัพยากรการศึกษาต่าง ๆ จากระบบงานสื่อและเทคโนโลยีการศึกษาระดับท้องถิ่น และจากช่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
 4. สื่อความเข้าใจกันและกัน เกี่ยวกับรูปแบบระบบงานที่กำหนดขึ้น
 5.ออกแบบ วางแผนจัดหาและผลิตสื่อตลอดจนวัสดุการศึกษาและการเรียนการสอนตามจุดมุ่งหมายและหลักสูตร
6. จัดหาบุคลากร เพื่อดำเนินงานด้านต่าง ๆ ของระบบงาน
7. มีการสื่อสาร รายงานและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์อยู่เสมอ
8.รับความช่วยเหลือทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ในการผลิตการจัดหาและการใช้ทรัพยากรการศึกษาต่าง ๆ
 9. จัดสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้และเพื่อพัฒนาภารกิจของระบบงาน
10.สถานที่ตั้งของหน่วยงานโครงการ ควรอยู่ในที่เหมาะสม มีความคล่องตัวเป็นศูนย์กลางติดต่อง่ายและใช้บริการสะดวก

 11.ร่วมมือและประสานงานในการกำหนดนโยบายระบบงาน ทั้งนโยบายทั่วไปและนโยบายเฉพาะกิจในการจัดการเรียนการสอนตามหลักสูตร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น